depa Thailand (ดีป้า) เผยผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย
ประจำปี 2564 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี ระบุภาพรวมอุตสาหกรรมขยายตัว 7%
มีมูลค่าอยู่ที่ 42,065 ล้านบาท
โดยได้รับแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุตสาหกรรมเกมที่เติบโตอย่างมาก
พร้อมคาดการณ์ว่า
อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยทั้งระบบจะขยายตัวต่อเนื่องถึงปี 2567
ด้วยมูลค่าอุตสาหกรรม 62,435 ล้านบาท
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
หรือ ดีป้า ร่วมกับ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT)
สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA)
สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ
(Bangkok ACM SIGGRAPH) และ บริษัท แอทไวส คอนซัลติ้ง จำกัด
ดำเนินการสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ประจำปี
2564 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี
ดร.กษิติธร
ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มยุทธศาสตร์และความมั่นคง ดีป้า
เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปี 2564
มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 7% มีมูลค่าอุตสาหกรรมอยู่ที่ 42,065 ล้านบาท
โดยได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมเกมที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
และอุตสาหกรรมแอนิเมชันที่ฟื้นตัวจากงานรับจ้างผลิตจากต่างประเทศ
อุตสาหกรรมเกมขยายตัวจากการเติบโตของผู้ให้บริการบนโมบายแพลตฟอร์มดร.กษิติธร
กล่าวว่า อุตสาหกรรมเกมมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562
โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 16% ปี 2563 เติบโต 35% และปี 2564 เติบโต 8%
มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 37,063 ล้านบาท
ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของผู้ให้บริการเกมบนโมบายแพลตฟอร์ม ทั้ง iOS และ
Android โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 22,237 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60%
ของมูลค่าอุตสาหกรรมเกมปี 2564
ทั้งนี้
ปีที่ผ่านมา ดีป้า
ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในส่วนของการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ/ผู้พัฒนาเกมผ่านโครงการ Game
Online Academy และ Game Accelerator Program
และในส่วนของบุคคลทั่วไปผ่านโครงการ E-sports in School, E-sports Online
Academy, E-sports National Tournament และ E-sports Accelerator Program
โดยมุ่งเน้นไปที่ผู้พัฒนาเกม (Game Developer)
เพื่อตีตลาดและเก็บส่วนแบ่งทางการตลาดจากประเทศอื่นที่เป็นประเทศผู้พัฒนาเกมชั้นนำของโลก
อีกทั้งสร้างทัศนคติที่ดี
ควบคู่ไปกับส่งเสริมการใช้เกมให้เกิดประโยชน์มากกว่าการเล่นเพื่อความบันเทิง
อุตสาหกรรมแอนิเมชันกับการฟื้นตัวผ่านงานรับจ้างผลิตจากต่างประเทศ
อุตสาหกรรมแอนิเมชันมีอัตราขยายตัวเฉลี่ย
11% มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,399 ล้านบาท
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ที่ส่งผลให้เกิดแพลตฟอร์มใหม่เพิ่มขึ้น
ทำให้พฤติกรรมของผู้รับชมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ทั้งด้านปริมาณและความรวดเร็ว
ส่งผลให้เกิดการจ้างงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ขณะที่สถานการณ์ของค่าเงินบาทที่อ่อนค่านับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้มูลค่าของอุตสาหกรรมแอนิเมชันเริ่มฟื้นตัวในปีที่ผ่านมา
โดยการรับจ้างผลิตแอนิเมชันมีอัตราการขยายตัว 16% มีมูลค่ารวมอยู่ที่
2,864 ล้านบาท
อุตสาหกรรมคาแรคเตอร์หดตัวตามกำลังซื้อที่ลดลงอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์หดตัวเฉลี่ย
18% โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1,603 ล้านบาท
เนื่องจากผลพวงทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ COVID-19
ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของประชาชนไทยหลายกลุ่มลดลง ประกอบกับ
ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ลดลงจากมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ
ทำให้การบริโภคสินค้าในกลุ่ม Gift Accessory และ Fashion ลดลง
ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าการเช่า/ซื้อลิขสิทธิ์
ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์หดตัวเฉลี่ย 50%
โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 486 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีมูลค่าสูงถึง 1,425
ล้านบาทในปี 2561 และ 1,422 ล้านบาทในปี 2562 ตามลำดับ
คาดอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยโตต่อเนื่องถึงปี 2567
จากความเปลี่ยนแปลงของตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ที่เกิดขึ้น
ดีป้า คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีก
3 ปี โดยจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 46,961 และ 53,729 ล้านบาทในปี2565 – 2566
ซึ่งมูลค่าอุตสาหกรรมอาจพุ่งทะยานถึง 62,435 ล้านบาทในปี 2567
โดยมีปัจจัยหนุนมาจากอุตสาหกรรมเกมที่ประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงอุตสาหกรรมแอนิเมชัน และอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ที่เริ่มปรับฟื้นตัว
หลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2562
นอกจากนี้
ในงานแถลงผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย
ประจำปี 2564 ยังมีช่วงของการเสวนา
ซึ่งผู้แทนจากสมาคมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นโอกาสทางเศรฐกิจของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์กับเทคโนโลยีอุบัติใหม่
(Emerging Technology) เช่น NFT, GameFi/Game NFT และ Metaverse เป็นต้น
รวมถึงกระแสซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
โดยได้กล่าวถึงผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
COVID-19 ในแต่ละอุตสาหกรรมในช่วงปี 2564
พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงโอกาสทางเศรษฐกิจจากเทคโนโลยีอุบัติใหม่
และซอฟต์พาวเวอร์ที่จะเป็นอีกแรงหนุนในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดย ดีป้า ได้มุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการ
และการนำเทคโนโลยีอุบัติใหม่มาปรับใช้เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของประเทศไทย
“ดีป้า
และหน่วยร่วมดำเนินการทั้งหมดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2564
และคาดการณ์แนวโน้ม 3
ปีจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจวางแผนธุรกิจ
รับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
และการปรับตัวเพื่อหาโอกาสทางเศรษฐกิจจากเทคโนโลยีอุบัติใหม่ โดยนำแนวคิด
Soft Power มาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทย
อีกทั้งใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลของรัฐบาลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป”
รองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มยุทธศาสตร์และความมั่นคง ดีป้า กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น