พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติ
ตำรวจภูธรภาค 1 โดย พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ภ.1 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดที่มีอำนาจหน้าที่เร่งรัดสืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในเขตพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 อย่างเด็ดขาดและจริงจัง
บก.สส.ภ.1 นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.พีรศักดิ์ รอดบน รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.มณเทียร เบ้าทอง รอง ผบก.ปฏิบัติราชการ บก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิศิษฏ์ มะอักษร รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1 , พ.ต.อ.พูนสุข เตชะประเสริฐพร ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.ภ.1
ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาขนบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 2 ราย ดังนี้
1. นายมัรวาน อายุ 23 ปี ที่อยู่ 83/2 ม.12 ต.ลำไพล อ.เทพา จว.สงขลา ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560”
2. นายอิลรอเฮง อายุ 28 ปี ที่อยู่ 14/2 ม.4 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จว.ปัตตานี ในข้อหา “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้
เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560”
ของกลางที่ได้จากการตรวจยึด
1. บุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนทั้งสิ้น 48,301 ชิ้น
2. รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น รีโว้ สีขาว จำนวน 1 คัน
3. รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น รีโว้ สีเทา จำนวน 1 คัน
4. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Nokia จำนวน 1 เครื่อง
5. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Samsung จำนวน 1 เครื่อง
6. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Oppo จำนวน 1 เครื่อง
7. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Samsung จำนวน 1 เครื่อง
สถานที่จับกุม ริมถนนสาธารณะ หมู่ 6 ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 ก.ย.68 เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการจับกุมนายจีรพิวัฒน์ฯ พร้อมด้วยของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 4,476 ชิ้น รวมมูลค่าประมาณ 3,088,440 บาท ในความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้ามหรือที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง หรือเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี จว.ลพบุรี ดำเนิดคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาจากการสืบสวนขยายผลพบกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงบุหรี่ไฟฟ้า จากพื้นที่ภาคใต้ ขึ้นมากระจายในพื้นที่ภาคกลาง เพิ่มเติม โดยพบรถยนต์กระบะตู้ทึบสีเทา และรถยนต์กระบะตู้ทึบสีขาว เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้คอยเฝ้าสังเกตการณ์และทำการติดตามจนตรวจพบขณะกลุ่มผู้ต้องหา ลักลอบลำเลียง บุหรี่ไฟฟ้าของกลางจากพื้นที่ภาคใต้เข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยได้เข้าแสดงตัวขอทำการตรวจค้น และจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 นายมัรวาน ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะสีขาว พร้อมด้วยของกลางบุหรี่ไฟฟ้า ยี่ห้อ M ZERO จำนวน 19,441 ชิ้น และผู้ต้องหาที่ 2 นายอิลรอเฮง ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะตู้ทึบสีเทา พร้อมด้วยของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 28,640 ชิ้น รวมของกลางทั้งหมด 48,301 ชิ้น นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยของกลางทั้งหมดถูกลำเลียงมาจากพื้นที่ภาคใต้ และนำมาจำหน่ายในพื้นที่ภาคกลาง มีของกลางมูลค่ารวมประมาณ 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาท)
ทั้งนี้เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงการกระทำผิดดังกล่าวว่าได้มีกลุ่มบุคคลได้ลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้ามาจัดจำหน่าย ซึ่งอาจทำให้วัยรุ่นและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย และประชาสัมพันธ์ว่าการมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง มีความผิดทางกฎหมาย
ทั้งนี้ ทางตำรวจภูธรภาค 1 จะดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว โดยใช้มาตรการลงโทษทางกฎหมายในฐานความผิดขั้นสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่างมิให้การกระกระทำความผิด และจะดำเนินการจับกุมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนสืบไป โดยหากพบเห็นการกระทำผิด หรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าว สามารถแจ้งไปยังสายด่วน 191 เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น