
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์
อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน
ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
ซึ่งมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายโดยกำหนดให้เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
(Quick Big Win) ที่ต้องดำเนินการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อความปลอดภัยของสังคมและประชาชน ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จึงให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนภารกิจเชิงรุกในการสกัดกั้นยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย
กรมศุลกากรได้ขานรับนโยบายและดำเนินการอย่างเข้มงวดในการปราบปราม
พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี
กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
การท่าเรือแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นๆ
เพื่อสกัดกั้นการลักลอบการนำเข้าสินค้าดังกล่าว

วันที่ 4 ธันวาคม
2568 สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ พร้อมด้วยกองสืบสวนและปราบปราม
กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ตรวจสอบตู้สินค้าที่ตกเป็นของตกค้าง จำนวน 7 ตู้ ณ ฝ่ายของกลางและของตกค้าง
สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ


ผลการตรวจสอบ พบเป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด
และพบการซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้งคละกลิ่นจำนวน 46,260 ชิ้น
มูลค่ารวม 10,871,100 บาท
สินค้าดังกล่าวเป็นของต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560
และพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.
2522 ประกอบ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่
และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. 2557

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวต่อว่า จะเห็นว่า
พฤติการณ์การลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจะเปลี่ยนเป็นการซุกซ่อนปะปนอยู่กับสินค้าอื่นๆ
ภายในตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อหลบซ่อนการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้
จากการบูรณาการร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องทำให้สามารถป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถปกป้องสังคมได้อย่างปลอดภัย
สำหรับสถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ในปีงบประมาณ 2569
(ตั้งแต่เดือน 1 ตุลาคม – 11 ธันวาคม 2568) ตรวจยึดได้ 123,870
ชิ้น/อัน/กล่อง/เซต มูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,170,659 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น